เลเซอร์ CO2

เลเซอร์ CO2  หัตถการที่ช่วยจัดการปัญหาติ่งเนื้อ ไฝ ขี้แมลงวัน ซึ่งนับว่าเป็นตัวการร้ายที่พรากความมั่นใจสาวๆ ไป เพราะสิ่งเหล่านี้เมื่อมันปรากฏบนผิวหนังของเราแล้ว นอกจากจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อปัญหาของรูปลักษณ์ภายนอก ยังเป็นเหมือนจุดด่างพร้อยที่ทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจ ไม่ว่าจะเป็น ไฝ หรือติ่งเนื้อ ต่างก็ทำให้เราต้องสวยสะดุด เหมือนสวยไม่สุดทุกที เพราะใครๆ ก็อยากมีใบหน้าหรือผิวที่เรียบเนียน ซึ่งช่วยทำให้เรารู้สึกมั่นใจ และแต่งหน้าสบาย ไม่มีอะไรมาคอยขัดตาขัดใจ จริงไหมคะสาวๆ

ด้วยเหตุนี้ เลยอยากพาทุกคนมาทำความรู้จัก กับ เลเซอร์ CO2 กันแบบละเอียดยิบ ว่าโปรแกรมนี้ ทำไมถึงดี และเป็นที่นิยม ในหมู่สาวๆ หนุ่มๆ ที่อยากมีผิวพรรณสวยงาม เกลี้ยงเกลา อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องกลัวว่าจะกลับมาเกิดใหม่ หรือขยายวงกว้างกว่าเดิมอีกด้วยค่ะ  

เลเซอร์ CO2 คืออะไร?

         เลเซอร์  CO2 หรือ คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ คือ พลังงานของเครื่องแสงอินฟราเรดที่ผลิตจากเครื่องเลเซอร์ ซึ่งมีพลังงานสูง สามารถลดระยะเวลาฉายแสงเลเซอร์ให้สั้นลง และเลือกตำแหน่งที่ต้องการยิงเลเซอร์เพื่อตัด หรือทำลายเนื้อเยื่อที่ไม่ต้องการออกได้อย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งมีความแม่นยำสูง จึงทำให้ไม่เป็นอันตรายต่อผิวข้างเคียง นอกจากนี้เมื่อยิงเลเซอร์แล้วจะไม่มีเลือดออก มีเพียงสะเก็ดแผลบนผิวเล็กน้อย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยม และยอมรับกันอย่างแพร่หลาย เพราะมีความปลอดภัยกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ นั่นเองค่ะ

 เลเซอร์ CO2 ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง?

         สำหรับโปรแกรม เลเซอร์ CO2 เป็นเครื่องมือเลเซอร์ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ ซึ่งแยกได้เป็น 2 ประเภท คือ กลุ่ม fractional CO2 laser และ กลุ่มที่ใช้สำหรับจี้ทำลายหรือตัดติ่งเนื้อเยื่อที่ไม่ต้องการออกให้หมดไป ทั้งนี้ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง? ไปดูกันเลยค่ะ

– ช่วยจัดการติ่งเนื้องอกบริเวณคอ หรือลำตัว

– กำจัดติ่งเนื้อ กระเนื้อ ไฝ ขี้แมลงวันออกให้หมดไปตามบริเวณที่ต้องการได้

– ใช้รักษาเนื้องอกของต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ หรือเนื้องอกผิวหนังอื่นๆ

– ใช้สำหรับรักษาสิวข้าวสาร สิวหิน

– ช่วยให้มีผิวเกลี้ยงเกลา พร้อมคืนผิวเรียบเนียน

– ช่วยแก้ปัญหาหลุมสิว ผิวหน้าไม่เรียบเนียน

– ช่วยแก้ปัญหาสำหรับคนที่มีรูขุมขนกว้าง และมีริ้วรอย

– จัดการปัญหา รอยแตกลาย และรอยแผลเป็นได้ค่ะ

ทำ เลเซอร์ CO2 ปลอดภัยไหม?

         CO2 Laser ได้มีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาแห่งประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาในการรักษาปัญหาผิวหนังได้อย่างปลอดภัย แต่ทว่าสิ่งสำคัญที่อยากให้ตระหนักคือ เครื่องมือเทคโนโลยีเหล่านี้ ควรอยู่ภายใต้การรักษาจากแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวและร่างกายเรานั่นเอง นอกจากนี้เครื่องเลเซอร์ดังกล่าว ยังสามารถลดระยะเวลาฉายแสงเลเซอร์ให้สั้นลง และสามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการยิงเลเซอร์ให้เฉพาะเจาะจงได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้ผิวข้างเคียงเกิดการเสียหาย แต่มีประสิทธิภาพในการรักษาที่ให้ผลดี และดีกว่า เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ นอกจากนี้ ทำเสร็จแล้วยังสามารถกลับบ้านได้เลย โดยที่ไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วยค่ะ

รักษาด้วย CO2 Laser มีข้อดีอะไรบ้าง?

– สามารถกำจัดไฝ ติ่งเนื้อ ขี้แมลงวัน ออกอย่างถาวรได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลการกลับมาเกิดใหม่ขยายวงกว้างกว่าเดิม แต่ถ้าเป็นไฝที่มีรากลึก อาจมีโอกาสขึ้นมาใหม่ ซึ่งแพทย์จะทำการจี้ซ้ำในจุดเดิมให้อีกครั้งค่ะ

– เป็นวิธีการรักษาที่รวดเร็ว และแม่นยำ โดยใช้ระยะเวลาประมาณที่ 30 – 45 นาที

– ให้ผลลัพธ์ และมีประสิทธิภาพดีกว่า เมื่อเทียบกับวิธีการอื่นๆ

– มีความปลอดภัยสูง และไม่เสี่ยงต่อการได้รับผลข้างเคียงเหมือนวิธีอื่นๆ

– เลเซอร์แล้วแผลจะเล็ก โอกาสในการเกิดแผลค่อนข้างน้อย

– ไม่ทำให้ผิวรอบข้างเกิดการเสียหาย

– ไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จสามารถกลับบ้านได้เลย

ก่อนทำ CO2 Laser ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?

         สำหรับสาวๆ ที่มีความสนใจในการทำ CO2 Laser อย่าลืมเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง เพื่อลดโอกาส และลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงต่างๆ ที่ตามมา ซึ่งมีอะไรบ้าง? ไปเช็กกันเลยค่ะ

1. หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรงอย่างน้อยประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคือง

2. หยุดการรับประทานยา หรืออาหารเสริมบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด และงดอาหารเสริมสำหรับสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว

3. หากมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติแพ้ยาต่างๆ โดยเฉพาะยาชา อย่าลืมแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนทำทุกครั้ง

4. งดการทาครีมที่มีส่วนผสมเป็นกรด เช่น AHA หรือ BHA เนื่องจากกรดจะไปทำให้ผิวเกิดการผลัดเซลล์ ซึ่งส่งผลให้ผิวมีความไวต่อแสงและความร้อนนั่นเอง

5. งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่

6. ในกรณีผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี จำเป็นต้องมีผู้ปกครองมาด้วยในวันนัด เพื่อลงลายมือชื่ออนุญาตให้ผู้ป่วยทำเลเซอร์ต่อหน้าพยานได้

หลังทำ CO2 Laser ควรดูแลตัวเองอย่างไรดี?

         เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงโดยไม่จำเป็น การดูแลตัวเองที่ดีหลังทำจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ยังทำให้ได้ผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพและดีขึ้น แนะนำปฏิบัติตามดังนี้เลยค่ะ

1. งด หรือหลีกเลี่ยงให้ผิวบริเวณที่รักษาโดนน้ำ อย่างน้อยใน 24 ชั่วโมงแรก

2. งดการแกะ เกา หรือถูบริเวณที่ทำเลเซอร์ ซึ่งปกติแล้วสะเก็ดจะหลุดออกเองภายใน 7 – 14 วัน หลังจากที่สะเก็ดหลุดออกแล้ว จะเห็นเป็นผิวสีชมพู จากนั้นจะหายเป็นปกติ แต่ในบางรายอาจมีรอยดำหลังการอักเสบได้ค่ะ

3. หลังจากสะเก็ดแผลหลุดออกแล้ว ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ และควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้เกิดรอยดำขึ้นได้

4. อย่าลืมทาครีมปฏิชีวนะ หรือขี้ผึ้งวาสลีน ตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ

5. หลังทำแพทย์จะปิดปลาสเตอร์กันน้ำไว้ เพื่อให้แผลหายดี และป้องกันไม่ให้แผลโดนน้ำนั่นเอง

6. ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบริเวณที่ทำเลเซอร์จนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ

7. แพทย์จะให้ยาไปทาต่อที่บ้าน ซึ่งต้องทำแผลวันละ 2 ครั้ง โดยการใช้น้ำเกลือเช็ดแผลให้สะอาด จากนั้นทายาที่แพทย์ให้ไปเพื่อป้องกันการอักเสบ หรือการติดเชื้อ ประมาณ 7 วัน ขอย้ำอีกค่ะว่า ไม่ควรแกะเกาให้สะเก็ดหลุดเร็วเด็ดขาด ควรปล่อยให้แผลตกสะเก็ดและหลุดออกไปเอง จะเป็นผลดีต่อผิวเรานั่นเองค่ะ

ข้อควรรู้ในการรักษาด้วย CO2 Laser

1. ในกรณีที่เป็นไฝขนาดเล็ก สามารถรับประทานอาหารเสริมได้ตามปกติ แต่หากเป็นกรณีที่ไฝ หรือติ่งเนื้อปริมาณเยอะ อาจจะต้องหยุดการทานวิตามิน อาหารเสริมกลุ่มที่อาจส่งผลเสียต่อการรักษาได้ค่ะ

2. สาวๆ ที่กังวลเรื่องจี้ไฝแล้วหน้าเป็นรู กลัวว่าจะทำให้หน้าเป็นหลุม หมดความกังวลใจไปได้เลยค่ะ เนื่องจากการเลเซอร์ไฝ ด้วย CO2 Laser จะเป็นการใช้หลักการระเบิดผิวบริเวณนั้น หากไฝลึกจะทำให้เกิดแผลตื้นๆ มีลักษณะเป็นหลุมตื้นๆ ขึ้น 1 – 2 สัปดาห์ และหลังจากนั้นร่างกายจะสร้างผิวใหม่ขึ้นมาปิดแผล ทำให้แผลตื้นขึ้นได้ ยกเว้นในกรณีที่ไฝ หรือต่อมไขมันมีขนาดใหญ่มาก อาจเหลือเป็นหลุมตื้นๆ เล็กน้อย

3. ผิวหรือแผลบริเวณที่ทำเลเซอร์ จะมีความไวต่อแสงแดดเล็กน้อย ดังนั้น เพื่อให้รอยแผลจางไว แนะนำค่ะว่าให้หลีกเลี่ยงแสงแดดต่อเนื่องอย่างน้อย 7 – 10 วัน

ทำ CO2 Laser ที่ไหนดี?

1. เลือกคลินิกที่ถูกกฎหมาย โดยผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย มีเลขที่ใบอนุญาตในการเปิดบริการ 11 หลัก ติดอยู่บนหน้าร้าน พร้อมชื่อ สาขา

2. คลินิกที่มีแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ด้านการทำ CO2 Laser มาก่อน เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังของเรานั่นเองค่ะ

3. เลือกคลินิกที่มีบริการปรึกษาแพทย์ฟรี ทั้งก่อน และหลังทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดผลข้างเคียงจากปัจจัยต่างๆ ได้

4. คลินิกที่มีการติดตามผลหลังทำของคนไข้เสมอ

Similar Posts